เรียกได้ว่าไม่มีข่าวไหนที่ร้อนแรงไปกว่าข่าวการผลักดันให้กัญชาถูกกฎหมายในประเทศไทย หรือที่เรียกว่า ปลดล็อคพืชกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยล่าสุดทางด้านของ เพจสาธารณะชื่อ World Maker ได้มีรายงานเกี่ยวกับสื่อทั่วโลกนำไปลงหน้าหนึ่ง โดยมีรายละเอียดว่า
จับตาตลาดกัญชาไทย !!! ล่าสุดสื่อระดับโลกถึงกับต้องเอาไปลงหน้าหนึ่ง ! หลังจากพรุ่งนี้ประเทศไทยจะปลดล็อคพืชกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดอย่างเป็นทางการแล้ว (ยกเว้นสารสกัด) ! แม้ก่อนหน้านี้ต้องทำให้ผิดกฏหมายตามคำสั่งของสหรัฐฯ มานานหลายสิบปี !!
ล่าสุดถือเป็นข่าวใหญ่ที่ทั่วโลกต้องหันมาจับตามอง !!! แม้แต่สื่อระดับโลกอย่าง Bloomberg ยังต้องเอาข่าวนี้ขึ้นหน้า 1 เลยทีเดียว เพราะประเทสไทยนั้นถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ผ่านกฏหมายกัญชา ! มาดูกันว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปมีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้บ้าง ??
รายงานเปิดหัวมาว่า ‘ประเทศไทยกำลังเตรียมลดทอนความเป็นอาชญากรรมของกัญชานับตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้’ โดยเบื้องต้นจะมุ่งเน้นไปที่การคว้าส่วนแบ่งในตลาดอาหารและยารักษาโรคก่อน ยังไม่รวมถึงสันทนาการ
ทั้งนี้ การปลดล็อคหมายความว่า ‘การค้ากัญชาที่ไม่ใช่สารสกัด’ และ ‘ผลิตภัณฑ์จากกัญชง’ จะไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมายอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สนับสนุนภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

canabis plant topshot on black
อย่างไรก็ตาม ที่แน่นอนคือตอนนี้โอกาสในการค้ากัญชาของไทย จะยังคงไม่สามารถกระทำเพื่อสันทนาการได้โดยตรง และการสกัดสาร THC ที่มีความเข้มข้นเกิน 0.2% ก็ยังถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายอยู่
สิ่งที่ขับเคลื่อนประเทศการเปิดเสรีกัญชามากขึ้นในไทย ได้แก่การเปิดให้ทดลองใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ช่วงในปี 2018 ซึ่งกลุ่มที่ผลักดันเชื่อว่าการทำให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมาย จะสามารถส่งเสริมภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวได้ ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ากระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ตามคำมั่นสัญญาที่จะให้กัญชาในครัวเรือนและการปลูกใช้ภายในบ้านแบบถูกกฎหมาย เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เสริม
สิ่งที่คุณทำได้และทำไม่ได้หลังจากการลดทอนความเป็นอาชญากรรมคือ
1.’การใช้ส่วนต่าง ๆ ของกัญชาและต้นกัญชง’ ซึ่งอยู่ในตระกูลพืชกัญชาจะไม่ถือเป็นอาชญากรรมอีกต่อไป ยกเว้นแต่สารสกัด (หรือน้ำมันกัญชาที่สกัดออกมาแล้ว ที่ไม่ใช่ช่อดอกธรรมดา)
2.บริษัทและเกษตรกรรายบุคคลจะได้รับอนุญาตให้ปลูกพืชในฟาร์มและสวน หรือแบบ Indoor ขณะที่คลินิกทั่วประเทศสามารถเสนอกัญชา Product ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ และร้านอาหารสามารถเสนอบริการอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมกัญชาด้วย THC น้อยกว่า 0.2%
3.อย่างไรก็ตาม ย้ำอีกครั้งว่า ‘สารสกัด’ ที่มี THC มากกว่า 0.2% ยังคงผิดกฎหมาย (แต่ช่อดอกแห้งไม่ถือเป็นสารสกัด) และการใช้เพื่อสันทนาการยังคงถูกห้าม ใครก็ตามที่พบว่าสูบกัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจจะต้องถูกจำคุกและปรับเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีระบุชัดเจนว่าในกรณีใดบ้างที่จะถือว่าใช้ทางการแพทย์ และในกรณีใดที่ถือว่าใช้เพื่อสันทนาการ
Bloomberg เปิดเผยอีกว่าข้อดีของประเทศไทยคือ คนไทยนั้นมีการใช้กัญชาในทางการแพทย์มาตั้งแต่ยุคโบราณหลายร้อยปีมากแล้ว และนั่นทำให้คนไทยมีภูมิความรู้ที่ได้เปรียบทางธรรมชาติบางประการ รวมทั้งสภาพอากาศของไทยที่อยู่ในเขตร้อนแทบจะตลอดทั้งปี หมายความว่าสภาพแวดล้อมของเราได้เปรียบเมืองหนาวในการปลูกกัญชาด้วย
ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันในระดับ ในฐานะผู้ปลูกกัญชาและผู้ผลิตกัญชา ‘Thai Stick’ (ด้ายแดงในตำนาน) ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ก่อนที่รัฐบาลจะปราบปรามโดยร่วมมือกับ ‘สหรัฐฯ’ ในการทำสงครามยาเสพติด ซึ่งทำให้กัญชาไทยกลายเป็นสิ่งผิดกฏหมายเพียงเพราะว่าตอนนั้นสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจของโลก
ตอนนี้ธุรกิจทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจและเตรียมตัวกันไว้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ! ทั้งร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหาร และแบรนด์เครื่องสำอาง และคลินิกทางการแพทย์ก็เริ่มปรุงแต่งสารสกัดจากกัญชาแล้ว ซึ่งพวกเขาล้วนคาดหวังว่าจะมีช่องทางทำธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อการระบาดใหญ่สิ้นสุดลงและการท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาดำเนินต่อ
นอกจากนี้บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อย่างเช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บมจ. ศรีตรัง Agro-Industry และบริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ต่างก็แสดงความสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา Eastern Spectrum Group
โดยสรุปก็คือ หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เกษตรกรและบริษัทของไทยสามารถเริ่มปลูกกัญชาโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับกุมและต้องโทษจำคุก โดยสิ่งที่ต้องทำก็คืออัปโหลดรายละเอียดแผนงานลงบนเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุขของประเทศหรือแจ้งใน Application ที่พัฒนาโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ทั้งนี้ มีการเปิดเผยไว้อย่างชัดเจนว่าขั้นตอนต่อไปในกระบวนการเปิดเสรีกัญชานั้น คาดว่าจะได้รับการอนุมัติให้ใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจได้ ! แม้ว่าอาจจะยังห่างออกไปอีกหลายปีจากนี้ก็ตาม แต่ผู้สนับสนุนกัญชาในไทยยังคงเดินหน้าเพื่อให้ถูกกฎหมายในวงกว้าง
ตอนนี้มีจัดตั้ง Sandbox สำหรับกัญชาเพื่อสันทนาการแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่จำกัดที่อนุญาตให้ใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจได้ในบางส่วนของประเทศ
ซึ่ง Sandbox ครั้งนี้คาดว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้อย่างดี รวมไปถึงจังหวัดสุดฮิตอย่างภูเก็ต กระบี่ และเกาะสมุย ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้สถานที่ที่เป็นไปได้สำหรับการทดลอง Sandbox
ผู้เสนอกล่าวว่าความคิดริเริ่มดังกล่าวอาจควบคู่ไปกับกฏหมายคาสิโนแบบถูกกฎหมาย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการสนทนา และหากผ่านออกมาจริง ก็พอจะเห็นแนวโน้มได้อย่างชัดเจนว่ามันจะสามารถดึงเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของต่างชาติ !
ถือว่าน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ! และคงต้องมาดูกันต่อไปอย่างใกล้ชิดว่าอุตสาหกรรมกัญชาในประเทศเราจะครึกครื้นไประดับโลกเหมือน “ด้ายแดง” ในอดีตหรือไม่ ?
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thaimoveinstitute.com